อีสท์ วอเตอร์ มุ่งพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทย ร่วมกับสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเตรียมพร้อมสู่อีอีซี

อีสท์ วอเตอร์ มุ่งพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทย ร่วมกับสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเตรียมพร้อมสู่อีอีซี

อีสท์ วอเตอร์ เดินหน้าพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทย สานต่อภารกิจเพื่อชุมชนและสังคม จับมือสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก ลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษาร่วมกัน สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านวิชาการและเพิ่มศักยภาพนักศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมสู่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ โดยคุณบดินทร์ อุดล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติการ ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษาร่วมกันระหว่าง สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อร่วมมือกันพัฒนาวิชาการ และศักยภาพของบุคลากรทางการศึกษา พัฒนาการจัดการศึกษาระบบทวิภาคี ร่วมกับสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก

สำหรับการลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษาร่วมกันระหว่างอีสท์ วอเตอร์ และสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกกับอีสท์ วอเตอร์และบริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือ เป็นการสนับสนุนและเตรียมความพร้อมของนักศึกษาสู่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยดำเนินการตามเงื่อนไขพิเศษการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ด้านการพัฒนาบุคลากร ในพื้นที่ EEC ให้นักศึกษามีโอกาสในการเสริมสร้างประสบการณ์ในวิชาชีพ พัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการได้มีโอกาสนำความรู้จากสาขาวิชาที่ศึกษามาประยุกต์ใช้ ให้นักศึกษามีประสบการณ์การทำงานจริง และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานในอนาคต

หนึ่งในภารกิจสำคัญของอีสท์ วอเตอร์ คือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน เพื่อสร้างความยั่งยืนส่งเสริมให้ชุมชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยกำหนดนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อสร้างความยั่งยืน ส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรในทุกภาคส่วนเพื่อสร้างชุมชนและสังคมที่มีคุณภาพ นับเป็นนิมิตหมายและจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะยังประโยชน์ให้พื้นที่ EEC ส่งผลดีต่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจพื้นที่ ซึ่งอีสท์ วอเตอร์ พร้อมและยินดีที่จะร่วมมือสนับสนุนกับทุกภาคส่วน ภายใต้การบริหารงานที่ยึดหลักธรรมาภิบาล โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ ประชาชน สังคม ชุมชนและท้องถิ่นเป็นสำคัญ

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว THE LIGHTERTHAILAND ได้ที่นี่ https://web.facebook.com/LighterThailand/

โครงการท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 ร่วมพัฒนาสิ่งแวดล้อม ชายหาดพยูน

โครงการท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 ร่วมพัฒนาสิ่งแวดล้อม ชายหาดพยูน

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ ที่ 3 และ บริษัทกัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด นำพนักงานร่วมกิจกรรม เนื่องใน “วันท้องถิ่นไทย ” ร่วมบำเพ็ญประโยชน์ ร่วมกันทำความสะอาดชายหาด ณ บริเวณศาลา 8 เหลี่ยม ชายหาดพยูน ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยมีนายสุชิน พูลหิรัญ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านฉาง เป็นประธาน จัดกิจกรรมสำคัญ เนื่องในวันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2567 จัดกิจกรรมทำความสะอาดชายหาด มีหัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหาร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พนักงานเทศบาล ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม อสม. นักเรียน เป็นจิตอาสาบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ ทำความสะอาด เก็บขยะชายหาดพยูน อ.บ้านฉาง ร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม พัฒนาภูมิทัศน์ที่ดีของชุมชนและ เมืองระยอง

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว THE LIGHTERTHAILAND ได้ที่นี่ https://web.facebook.com/LighterThailand/

สกพอ. สัมมนาสรุปผลศึกษาโครงการ เคาะรูปแบบระบบ Feeder เชื่อมต่อไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบินในพื้นที่ EEC

สกพอ. สัมมนาสรุปผลศึกษาโครงการ เคาะรูปแบบระบบ Feeder เชื่อมต่อไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบินในพื้นที่ EEC

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 19 มี.ค.67 ที่ห้องสัมมนาหลัก สิรินพลา ชั้น 1 โรงแรมสิรินพลา รีสอร์ท แอนท์ เรสเตอรองท์ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้จัดการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน (ครั้งที่ 3 : สรุปผลการศึกษาโครงการ) โครงการจ้างที่ปรึกษาศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นของระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมโยงกับการพัฒนารถไฟ ความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินกับการพัฒนาเมืองใหม่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยมีจากนายเรืองฤทธิ์ ประกอบธรรม ปลัดจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา เพื่อนำเสนอผลสรุปการศึกษาโครงการ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุม ได้แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ โดยมีผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการ และประชาชนเข้าร่วมประชุมด้วย

สำหรับการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในครั้งที่ 3 ทาง สกพอ. และที่ปรึกษาโครงการฯ ได้นำเสนอสรุปผลการศึกษาโครงการ มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้ โดยจากผลการศึกษาพบว่า เส้นทางโครงข่าย ‘เมืองใหม่ EEC – สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา’ มีแนวเส้นทางที่เหมาะสมในการออกแบบรูปแบบแนวคิดเบื้องต้นเพื่อเป็น ‘โครงการนำร่อง’ ของโครงการ โดยแนวเส้นทางที่มีความเหมาะสมนั้น มีจุดเริ่มต้นโครงการในพื้นที่เมืองใหม่ EEC จากนั้นยกระดับเหนือทางหลวงหมายเลข 331 ใกล้กับสถานีตำรวจภูธรห้วยใหญ่ จากนั้น ยกระดับประชิดเขตมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ช่วงเขาชีจรรย์ถึงเขาชีโอน แล้วยกระดับข้ามทางหลวงหมายเลข 3 หรือถนนสุขุมวิท ไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 20 กิโลเมตร โดยรูปแบบระบบขนส่งมวลชนรองที่จะนำมาให้บริการ คือ ‘ระบบรถไฟฟ้าล้อเหล็ก’ ซึ่งมีความเหมาะสม ทั้งในด้านวิศวกรรม การลงทุน สิ่งแวดล้อม และการถ่ายทอดเทคโนโลยี สำหรับการออกแบบสถานี ได้ออกแบบเป็น 3 รูปแบบ คือ แบบ A เป็นสถานียกระดับ แบบ B เป็นสถานีระดับพื้น และแบบ C เป็นสถานียกระดับ ที่จำกัดความสูงไม่เกิน 15 เมตร โดยมีการออกแบบที่สวยงามทันสมัย พร้อมคำนึงถึงการใช้งานของประชาชน การเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และความปลอดภัยในการอพยพผู้โดยสารในกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น แต่เนื่องด้วยระบบรถไฟฟ้าล้อเหล็กมีมูลค่าการลงทุนค่อนข้างสูง กอรปกับผู้โดยสารในระยะแรกของการพัฒนาโครงการยังมีปริมาณไม่มากนัก ทำให้ยังไม่มีความคุ้มค่าด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นทางโครงการจึงเสนอให้นำรถโดยสารไฟฟ้า หรือ EV Bus มาให้บริการในระยะแรกก่อน จากนั้นค่อยปรับเปลี่ยนมาเป็นรถไฟฟ้าล้อเหล็ก เมื่อปริมาณผู้โดยสารมีปริมาณสูงขี้นในอนาคต ซึ่งจะใช้เงินลงทุนต่ำกว่าการพัฒนาเป็นรถไฟฟ้าล้อเหล็กตั้งแต่เริ่มโครงการ โดยแนวเส้นทางของรถโดยสาร EV Bus จะใช้แนวถนนเดิมที่มีอยู่ โดยเริ่มจากเมืองใหม่ EEC จากนั้นจะใช้เลี้ยวซ้ายใช้แนวเส้นทางของทางหลวงหมายเลข 331 มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ จนถึงแยกเกษมพล เลี้ยวซ้ายเพื่อใช้แนวเส้นทางของทางหลวงหมายเลข 332 มุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงใต้จนบรรจบกับถนนสุขุมวิทบริเวณ แยกอู่ตะเภาจากนั้นเลี้ยวซ้ายใช้แนวเส้นทางถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าทิศตะวันออกและกลับรถโดยใช้ทางลอดบริเวณทางแยกต่างระดับอู่ตะเภา จากนั้นเลี้ยวซ้ายใช้แนวเส้นทางถนนพลา ไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟความเร็วสูงอู่ตะเภา รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 21 กิโลเมตร ทั้งนี้ด้านการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น หรือ IEE พบว่ามีปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากกิจกรรมของโครงการอย่างมีนัยสำคัญ 16 ปัจจัย ซึ่งทางโครงการได้ดำเนินการจัดทำร่างมาตรการ ป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการให้เหลือน้อยที่สุด ภายหลังการประชุมครั้งนี้ สกพอ.และที่ปรึกษาโครงการฯ จะดำเนินการรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมประชุม นำมาพิจารณาประกอบการจัดทำรายงานสรุปผลการศึกษาโครงการให้ครอบคลุมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่โครงการให้มากที่สุด จากนั้นจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ได้แก่ การสำรวจและออกแบบรายละเอียด การพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้างโครงการ คาดว่าจะใช้ระยะเวลารวมทั้งหมดประมาณ 7-10 ปี จึงสามารถเปิดให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดของโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.eec-smartcity-feeder.com

นายจาดูร แผ่นสุวรรณ วิศวกรโครงการฯ กล่าวว่า ข้อสรุปคือทาง สกพอ. ก็จะมีการออกแบบสร้างระบบขนส่งสาธารณะรอง ซึ่งได้ศึกษาแล้วเป็นระบบรถไฟฟ้าล้อเหล็ก จะเป็นการเชื่อมโยงการเดินทางของเมืองใหม่ที่จะมีการพัฒนาในอนาคตของ สกพอ. เชื่อมโยงมาที่ตัวสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาเป็นสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ รวมทั้งมีการพัฒนาเป็นเมืองมหานครการบิน เพราะฉะนั้นระบบการขนส่งสาธารณะรอง ก็จะออกแบบเป็นระบบไฟฟ้าเชื่อมเมืองใหม่ที่ห้วยใหญ่ บางละมุงมาที่มหานครการบิน สนามบินอู่ตะเภา มีระยะทาง 21 กม. ซึ่งแนวเส้นทางก็จะออกแบบเป็นล้อเหล็ก เป็นรถไฟฟ้าขนาด 2 ราง มีถนนทางบริการ 2 ช่องทางจราจร และจะมีการเวนคืนตลอดแนวเส้นทางตั้งแต่ อ.บางละมุง อ.สัตหีบ ถึง อ.บ้านฉาง ส่วนระยะเวลาการดำเนินการเร็วสุดนั้น หากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน และมีการก่อสร้างตัวเมืองใหม่แล้ว จะใช้ระยะเวลาพัฒนาอย่างน้อย 7 ปี ส่วนปัญหาที่พบคือ การใช้พื้นที่เวรคืนค่อนข้างเยอะ แต่ก็ได้มีการหลบเลี่ยงพื้นที่อาศัยของ ปชช. ซึ่งส่วนใหญ่พื้นที่เวรคืนจะเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ไร่มันสำปะหลัง ไร่สับปะรด เป็นหลัก ส่วนข้อกังวลของ ปชช. ก็จะมีข้อห่วงใยในเรื่องของค่าตอบแทนค่าเวรคืน ซึ่งทาง สกพอ. ก็จะยึด พ.ร.บ.เวรคืนตามกฎหมาย เป็นหลัก.

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว THE LIGHTERTHAILAND ได้ที่นี่ https://web.facebook.com/LighterThailand/

Dow มอบ 10 ทุนวิศวะ ป.ตรี เพิ่มโอกาสด้านการศึกษา พัฒนาคนคุณภาพเพื่ออนาคต

กรุงเทพฯ – 18 มีนาคม 2567 – กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) มอบทุนการศึกษาประจำปี 2567 จำนวน 10 ทุน รวมมูลค่า 200,000 บาท ซึ่งเป็นทุนการศึกษาต่อเนื่องสองปีให้กับนิสิตและนักศึกษาในสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ที่มีผลการเรียนและความประพฤติดีจาก 5 สถาบัน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีนายเอกสิทธิ์ ลัคนานิธิพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจและพัฒนาธุรกิจคาร์บอนต่ำ และนางศิริพร เฟื่องมารยาท ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล มอบทุนการศึกษา ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ นอกจากนี้ นิสิตนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ยังจะได้รับโอกาสเข้าร่วมฝึกงานกับบริษัทฯ ในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนปี 2567 เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ตรงจากผู้เชี่ยวชาญในการเตรียมความพร้อมสู่การทำงานจริงในอนาคต

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย สนับสนุนทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ศ. 2527 และให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STEM) ของเยาวชนตั้งแต่ปฐมวัยจนเข้าสู่ตลาดแรงงาน เพื่อสร้างคนคุณภาพและพัฒนานวัตกรในอนาคตที่จะช่วยสร้างนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว ผ่านกิจกรรมที่สนับสนุนการพัฒนาของเยาวชน อาทิ การพัฒนาทักษะสมองส่วนหน้า (Executive Functions: EF) เพื่อสร้างเด็กดีและเก่งสำหรับเด็กปฐมวัย การแข่งขันหุ่นยนต์ FIRST® Lego League และ FIRST® Tech Challenge โครงการห้องเรียนเคมีดาวที่เพิ่มความเท่าเทียมด้านการศึกษาให้นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาได้ลงมือทดลองจริงในบทเรียนวิทยาศาสตร์ด้วยชุดการทดลองเคมีแบบย่อส่วน และการพัฒนาหลักสูตรวิศวกรรมเคมีในระดับอุดมศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ เป็นต้น

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว THE LIGHTERTHAILAND ได้ที่นี่ https://web.facebook.com/LighterThailand/

โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี คว้ารางวัลจากงาน Employee Experience Awards 2024 ระดับ Silver ประเภท Best Soft Skills Training Programme

โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี คว้ารางวัลจากงาน Employee Experience Awards 2024 ระดับ Silver ประเภท Best Soft Skills Training Programme


15 มีนาคม 2567 – บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด (โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี; BLCP) ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ในประเทศไทย ได้รับรางวัลระดับ Silver ประเภท Best Soft Skills Training Programme จากงาน Employee Experience Awards 2024 Thailand (EXA) จัดโดย Human Resources Online สื่อชั้นนำด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลจากประเทศสิงคโปร์ โดยมี คุณยุทธนา เจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้รับมอบ

รางวัลนี้มอบให้กับองค์กรที่มีความโดดเด่นในการพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills ของพนักงานและผู้นำองค์กร โปรแกรมฝึกอบรม Soft Skills ของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี มุ่งเน้นไปที่การพัฒนา 4 ทักษะหลักตามวัฒนธรรมองค์กร (PIC-C: Professionalism, Integrity, Commitment, Compassion) ดังนี้:

การสื่อสาร (Communication): พนักงานสามารถสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพในทุกด้าน

การทำงานเป็นทีม (Teamwork): พนักงานสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นด้วยความเอาใจใส่และเป็นไปอย่างราบรื่น

การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking): พนักงานสามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การแก้ปัญหา (Problem Solving): พนักงานสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม

คุณยุทธนา เจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลนี้ รางวัลนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความมุ่งมั่นของ BLCP ในการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน BLCP เชื่อมั่นว่า Soft Skills เป็นทักษะที่จำเป็นต่อความสำเร็จของพนักงานและองค์กร โปรแกรมฝึกอบรม Soft Skills ของเราช่วยให้พนักงานมีทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในยุค New S-Curve

งาน Employee Experience Awards 2024 Thailand (EXA) มุ่งเน้นการยกย่ององค์กรที่มีนโยบายและกลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคลที่ส่งเสริมประสบการณ์การทำงานที่ดีของพนักงาน รางวัลนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของ BLCP ในการสร้างแรงจูงใจและรักษาพนักงานที่มีความสามารถตามกรอบการดำเนินงานอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environmental, Social, Governance)

บีแอลซีพี มุ่งพัฒนาพลังงานที่มั่นคง เพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว THE LIGHTERTHAILAND ได้ที่นี่ https://web.facebook.com/LighterThailand/

BST Group ส่งเสริมการให้ข้อมูลข่าวสาร จัดสานเสวนาชุมชน ประจำปี 2567

BST Group ส่งเสริมการให้ข้อมูลข่าวสาร จัดสานเสวนาชุมชน ประจำปี 2567

กลุ่มบริษัท บีเอสที ประกอบด้วย บริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด (BST) บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด (BSTE) และบริษัท บีเอสที เอเนออส อิลาสโตเมอร์ จำกัด (BEE) พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงาน ได้ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมสานเสวนาชุมชน ประจำปี 2567 ผ่านโครงการ BST Group พบชุมชน ครั้งที่ 1/2567 ระหว่างวันที่ 1-12 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการลงพื้นที่เพื่อพบปะพูดคุยกับพี่น้องชุมชน ในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุด และเทศบาลตำบลบ้านฉาง รวม 33 ชุมชน และภายในกิจกรรมยังมีการสนับสนุนทุนการศึกษา ประจำปี 2567 อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ซึ่งถือเป็นนโยบายในการส่งเสริมด้านการศึกษาของเยาวชน ตลอดจนช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวอีกด้วย โดยกิจกรรมสานเสวนานี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสาร การดำเนินงานในด้านต่างๆ ได้แก่ ข้อมูลทั่วไปของบริษัท ข้อมูลโครงการส่วนขยาย ข้อมูลด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ข้อมูลด้านทรัพยากรบุคคล (การฝึกงาน/การรับสมัครงาน) และข้อมูลด้านกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ (CSR) รวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอ สร้างความเข้าใจ ความเชื่อมั่น พร้อมอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยได้รับการตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมจากพี่น้องชุมชนอย่างดีเสมอมา

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว THE LIGHTERTHAILAND ได้ที่นี่ https://web.facebook.com/LighterThailand/

เทคนิคระยอง นำ นศ. ออกหน่วย Fix it-จิตอาสา ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน ซ่อมเครื่องยนต์เรือประมง เครื่องใช้ไฟฟ้า-ยานพาหนะให้บริการฟรีแก่ชาวประมง มุ่งฝึกทักษะวิชาชีพของ นศ. และส่งเสริมการมีจิตเป็นสาธารณะ

เทคนิคระยอง นำ นศ. ออกหน่วย Fix it-จิตอาสา ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน ซ่อมเครื่องยนต์เรือประมง เครื่องใช้ไฟฟ้า-ยานพาหนะให้บริการฟรีแก่ชาวประมง มุ่งฝึกทักษะวิชาชีพของ นศ. และส่งเสริมการมีจิตเป็นสาธารณะ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มี.ค.67 ที่วิสาหกิจชุมชนปากน้ำ แหลมรุ่งเรือง ต.ปากน้ำ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นายนรินทร์ เจนจิรวัฒนา รองนายกเทศมนตรีนครระยอง เป็นประธานเปิดโครงการบูรณาการการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพกับการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนอาชีวศึกษา (Fix it – จิตอาสา) ศูนย์ซ่อมเพื่อชุมชน ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยนำ นศ. ออกหน่วยบริการซ่อมแซมเครื่องยนต์เรือประมง อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในครัวเรือน ซ่อมแซมสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ ซ่อมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องยานพาหนะให้กับประชาชนในพื้นที่ฟรี และงานเชื่อมซ่อมบำรุง โดยมีการออกใบรับงานซ่อมวิเคราะห์อาการเสียของอุปกรณ์เครื่องมือที่นำมาซ่อม ดำเนินการซ่อมและให้คำแนะนำวิธีการใช้ การดูแลรักษาต่อผู้รับบริการประกอบด้วย ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างเชื่อม ช่างก่อสร้าง รวมทั้งให้บริการสร้าง (Build) อาชีพใหม่หรือต่อยอดอาชีพ โดยมีการสำรวจอาชีพตามความต้องการของชุมชนจัดทำหลักสูตรอาชีพด้วย นอกจากนี้ยังให้บริการพัฒนา(Top Up)ผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยนำ นศ. ไปศึกษาเรียนรู้และนำเทคโนโลยี หรือสร้างนวัตกรรมร่วมกับชุมชน เพื่อเพิ่มมูลค่าและส่งเสริมการรับรองมาตรฐานคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยการ ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส’ อีกด้วย

นายกิตติพงค์ อุตตมะเวทิน ผอ.วิทยาลัยเทคนิคระยอง กล่าวว่า ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการขยายบทบาทศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it-จิตอาสา) โดยมอบหมายให้สถานศึกษาในสังกัดคณะกรรมการการอาชีวศึกษาให้คำแนะนำ ถ่ายทอดความรู้ให้กับประชาชนให้รู้วิธีการใช้งาน การดูแลรักษาและพัฒนาทักษะช่างชุมชน รวมถึงการช่วยเหลือประชาชน วิทยาลัยเทคนิคระยอง จึงได้จัดโครงการ Fix it-จิตอาสาดังกล่าวขึ้น โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนเป็นการฝึกทักษะวิชาชีพของ นศ. และส่งเสริมการมีจิตเป็นสาธารณะอีกด้วย.

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว THE LIGHTERTHAILAND ได้ที่นี่ https://web.facebook.com/LighterThailand/

ไออาร์พีซี  ร่วมปรับปรุงห้องปฏิบัติและหอนอน โรงเรียนระยองปัญญานุกูล 

ไออาร์พีซี  ร่วมปรับปรุงห้องปฏิบัติและหอนอน โรงเรียนระยองปัญญานุกูล

เนื่องด้วยโรงเรียนระยองปัญญานุกูล จังหวัดระยอง เป็นสถานทีจัดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 380 คน ด้วยปัจจุบันโรงเรียนระยองปัญญานุกูล ได้ดำเนินการปรับปรุงห้องเรียน ห้องปฏิบัติการและหอนอน เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมและอำนวยความสะดวกให้กับนักเรียน

 

เมื่อวันที่  13 มีนาคม 2567 นายแสงจันทร์ ผานิล ผู้จัดการอาวุโส บริหารเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซีและชุมชนสัมพันธ์ (DIV INIM) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) พร้อมทีมหน่วยงานชุมชนสัมพันธ์  มอบพัดลมติดผนังให้โรงเรียระยองปัญญานุกูล เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมและปรับปรุงหอนอน โดยมีนายโต้ง พรมกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนระยองปัญญานุกูล เป็นผู้รับมอบ

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปพร้อมกับการดูแลชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม อย่างต่อเนื่อง เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนตลอดไป

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว THE LIGHTERTHAILAND ได้ที่นี่ https://web.facebook.com/LighterThailand/

ชมรมช่างภาพสื่อมวลชนระยอง ทำบุญเลี้ยงพระศูนย์ข่าวครบ 1 ปี พร้อมเงินสนับสนุน ตร.ช่าง สภ.เพ

ชมรมช่างภาพสื่อมวลชนระยอง ทำบุญเลี้ยงพระศูนย์ข่าวครบ 1 ปี พร้อมเงินสนับสนุน ตร.ช่าง สภ.เพ

ชมรมช่างภาพสื่อมวลชนจังหวัดระยอง ทำบุญครบรอบ 1 ปีการก่อตั้ง มีเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกภาคส่วน และชาวสื่อมวลชนร่วมงานคึกคัก ประธานชมรมฯ เผยผ่าน 1 ปี ยังคงยืนหยัดทำข่าวสร้างสรรค์ตามเจตนารมย์ ‘รวมพลคนข่าว เพื่อชาวระยอง’


เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่สำนักงานชมรมช่างภาพสื่อมวลชนจังหวัดระยอง และศูนย์ข่าว เลขที่ 31/20 ถ.3139 ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง นายเดชา สุวรรณสาร ผู้สื่อข่าวช่อง 7HD ประจำจังหวัดระยอง ในฐานะประธานชมรมช่างภาพสื่อมวลชนจังหวัดระยอง พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษา กรรมการ และสมาชิกชมรมช่างภาพสื่อมวลชนระยอง ได้จัดให้มีพิธีทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ เนื่องในวัดครบรอบการก่อตั้งชมรมฯ ประจำปี 2567 โดยมีพระครูโสภิตปัญญากร เจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง (เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ พระอารามหลวง) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีนายอนุสรณ์ แสงกล้า นอภ.เมืองระยอง นายคีรีวัฒน์ อ้นพร้อม ประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง พ.ต.อ.วีพงษ์ กงแก้ว ผกก.สภ.เมืองระยอง นายประสงค์ เล็กโล่ง นายก อบต.นิคมพัฒนา นายบุญยืน เลาหวิทยะรัตน์ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดระยอง นางสริญทิพย์ ทัพมงคลทรัพย์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ด หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน สื่อมวลชนร่วมงานคึกคัก

นายเดชา สุวรรณสาร ผู้สื่อข่าวช่อง 7HD ประจำจังหวัดระยอง ประธานชมรมช่างภาพสื่อมวลชนจังหวัดระยอง กล่าวว่า การจัดงานวันนี้ก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงาน และเพื่อพบปะสังสรรค์เชื่อมสัมพันธ์ไมตรี กับเพื่อนๆสื่อมวลชนของจังหวัดระยอง ทั้งนี้ชมรมช่างภาพสื่อมวลชนจังหวัดระยอง เกิดขึ้นจากความตั้งใจเป็นกาารวมตัวของเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวสื่อมวลชนระยอง เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน พร้อมกับมีการแลกเปลี่ยนข่าวสาร และนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งชมรมฯ มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ เพจ สื่อออนไลน์ ความมุ่งมั่นของสมาชิก คือสร้างชมรมฯ ให้เติบโตและมั่นคง ตามเจนตนารมย์ที่ว่า ‘รวมพลคนข่าว เพื่อชาวระยอง’ พร้อมสร้างความเข้มแข็งให้กับวิชาชีพสื่อมวลชน ทำกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ต่อไป และในปีนี้ทางชมรมฯ ได้มอบเงินสนับสนุนกิจกรรมของจิตอาสาตำรวจช่าง สภ.เพ จ.ระยอง มีนายสำราญ รุ่งโรจน์ ประธาน กต.ตร.สภ.เพ เป็นผู้รับมอบอีกด้วย.

HMC Polymers สนับสนุนกิจกรรมมาบตาพุด เดิน-วิ่ง มินิมาราธอน ครั้งที่ 13

HMC Polymers สนับสนุนกิจกรรมมาบตาพุด เดิน-วิ่ง มินิมาราธอน ครั้งที่ 13

บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด สนับสนุนกิจกรรมมาบตาพุด เดิน-วิ่ง มินิมาราธอน ครั้งที่ 13
จัดโดยชมรมเดิน-วิ่ง มาบตาพุด 49 ทั้งนี้ คุณบุปผาพรรณ พานทอง ผู้จัดการฝ่ายกิจการเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม
ได้รับเกียรติในการมอบถ้วยรางวัลแก่นักวิ่งชาย ประเภทมินิมาราธอน ระยะทาง 11.5 กิโลเมตร
กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมออกกำลังกายให้กับประชาชนทั่วไป
และรายได้ส่วนหนึ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับพระภิกษุสงฆ์อาพาธ โดยนักวิ่งของบริษัทฯ เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน
25 คน เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ บริเวณหน้าศาลเจ้าแม่จันเท ต.มาบตาพุด จ.ระยอง

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว THE LIGHTERTHAILAND ได้ที่นี่ https://web.facebook.com/LighterThailand/

เพราะเราให้คุณมากว่าข่าว

Exit mobile version